ความรักทำให้คนตาสว่าง
เอาไฟฉายมั๊ยเพ่ !!
ผู้เข้าชมรวม
853
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อ่ะนะ
ก่อนอื่นก็ยินดีต้อนรับผู้มีความคิดเดียวกัน หรือไม่ก็พลัดหลงเข้ามาอ่าน รึอะไรก็แล้วแต่
ช่างมันเหอะ เข้ามาแล้วก็พูดเข้าเรื่องความรักเลยแล้วกันนะ
ถ้าพูดถึงความรัก น้อยคนนักจะไม่รู้จัก
หา ? คุณไม่รู้จักจริงๆน่ะเหรอ
เวรกรรม งั้นคุณลองไปถามใครสักคนที่ให้คนที่ให้คำปรึกษาคุณได้ทุกเรื่อง อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แล้วก็คิดถึงเค้าเวลาเหงาดูนะ ว่าความรักน่ะมันเป็นยังไง (ถ้าเป็นเพศตรงข้ามจะดีที่สุด)
เอาล่ะ เมื่อได้คำตอบมาแล้ว ก็มาเข้าเรื่องกันได้เลยแล้วกัน
เรื่องมีอยู่ว่า ผู้เขียนเคยได้ยินประโยคสุดคลาสสิกประโยคหนึ่งที่ว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" แน่นอนคำพูดนี้ไม่ได้แปลว่าตาบอดจริงๆ แต่หมายรวมถึงอาการหน้ามืด ตามัว หูหนวก สมองตัน ฟั่นเฟือน จนกระทั่งหลงใหลได้ปลื้มจนลืมตัว ฯลฯ
ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า ประโยคนี้ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น !!
"อ้าว แล้วไอ้คุณพี่จะมาเขียนทำไมล่ะ(วะ)"
เดี๋ยวครับ ใจเย็นๆก่อน อาการตาบอดที่ผมว่าจริงนั้น มันเป็นอาการของ*คนภายนอกต่างหากล่ะ
*คนภายนอก คนอื่นๆที่ไม่ใช่คนสองคนที่กำลังดำรงชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรัก คนพวกนี้อาจถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเพื่อน,ผู้ปกครอง,ญาติห่างๆ,แม่ค้าขายผลไม้,ตำรวจตระเวนชายแดน เก้า ลอ เก้า
ความจริงแล้วคนที่กำลังตกหลุมรักอย่างหัวปัก หัวทิ่ม หัวตำ หัวปำ หัวหอมใหญ่นั้น เค้ากำลังมีดวงตาเห็นธรรม มองเห็นแสงสว่างในหลุมแบล็คโฮลต่างหากล่ะ
ผู้เขียนขอยืนยันโดยตรงจากประสบการณ์ความรักอันโชกโชน(ที่เน้นไปทางผิดหวัง) ของตัวผู้เขียนกับสาวๆน่ารักมากมายกว่าหลายร้อยคน(อันนี้โม้นะ อย่าไปเชื่อ)ได้เลยครับ
เพราะการที่เรามีความรัก เราจะสามารถมองเห็นข้อดีที่เล็กน้อยที่สุดของคนที่เรารักได้อย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญ คนภายนอก(ตามที่แปลความหมายไว้ข้างบน)นั้นไม่อาจมองเห็นได้
เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เค้าเรียกว่าตาบอดเหรอครับ !?
แล้วการที่เรารู้จักมองคนแต่เพียงด้านดีด้านเดียวมันผิดด้วยเหรอ? คำพระท่านเคยว่าไว้ว่า "เราจงมองแต่เพียงด้านดีของเขา อย่าเอาแต่ไปมองด้านร้าย" เห็นมะ ถ้าทุกคนทำแบบนี้ได้ โลกเราก็จะมีแต่ความสุขไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมคนภายนอก(ตำรวจตระเวนชายแดน)นั้นถึงกล่าวหาว่า คนที่มีความรักต้องกลายเป็นคนตาบอดด้วย
ผมไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!!
จริงอยู่ที่เมื่อเราคบกันไปแล้ว อาจมีปัญหาจากสภาพสังคมและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันบ้าง จนมันทำให้บางคู่รักถึงขนาดต้องเลิกกันไปเลยก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาอ้างได้ว่า "ช่วงนั้นที่ชั้นคบกะไอ้เลวนั่น เพราะความรักมันบังตา"
ใช่มะ ?
"ไม่ใช่!!" สุภาพสตรีคนหนึ่งแผดเสียงดังขึ้น
"ก็พอชั้นเลิกกะมันแล้วนะ ชั้นถึงได้ตาสว่าง รับรู้ว่าไอ้นั่นมันเลวจริงๆ ทั้งเที่ยวผู้หญิง กินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เล่นม้า แทงไฮโล ฟังโลโซ(อันนี้ไม่เกี่ยว) และอีกสารพัดนั่นแหละ" ผู้หญิงคนเดิมร่ายเป็นชุดๆ
จากประสบการณ์อันโชกโชน(อีกแล้ว)ของผม ปัญหาของคุณผู้หญิงคนนี้กำลังประสบอยู่นั้น เรียกว่า"เลิกกันแล้วทำให้คนตาบอด"อยู่ครับ อย่า! อย่าเพิ่งงงหรือสงสัยอะไรทั้งนั้นครับ จริงอยู่ที่ประโยคนี้อาจฟังดูใหม่และอาจไม่คุ้นหูอยู่บ้าง แต่ผมจะอธิบายให้ฟังครับ
ฟิธ ฟาน เดอร์ ฟาดท์ นักจิตวิทยาชื่อดังตามวงสุราได้กล่าวไว้ว่า "การมองเห็นอะไรได้เยอะขึ้น มิได้แปลว่าเราจะมองได้ชัดขึ้น"
นั่นแปลว่าพอคุณผู้หญิงท่านนี้เลิกกับแฟนแล้วก็เกิดอาการตามืดบอด มองไม่เห็นข้อดีของแฟนเก่ามีอยู่(เล็กน้อย)เหล่านั้นไป
นั่นทำให้คุณมองเห็นแต่ข้อเสียของเค้าในตอนนี้ !
ผมเชื่อว่าถ้าคุณทั้งสองยังมีความรักให้กันอยู่คุณจะยังเห็นว่าเค้าคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่ดีพร้อมสำหรับคุณอยู่เสมอ...แน่นอน ถึงแม้ว่าเค้าจะฟังโลโซก็ตามที
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มหาโจรผู้ชั่วช้านั้นยังสามารถมีรักแท้อันมั่นคงได้
ความสำคัญก็เป็นไปอย่างที่ผมบอกข้างต้นนั่นแหละถ้าคุณมองแต่ด้านที่ดีของเค้า และรับเค้าในข้อที่ดีนั้นๆได้แล้วละก็ ไม่ว่าคนภายนอก(แม่ค้าขายผลไม้)จะว่าคุณตาบอดยังไงก็ตามที
ผมยังเห็นว่าคุณเป็นคนที่มีตาสว่างสุกใสกว่าคนที่ไม่มีความรักในหัวใจอยู่มากมายนัก
แต่ก็อย่าลืมว่าคนสองคนจะใช้ชีวิตด้วยกันได้นั้น ต้องมีทั้งความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยต่อกัน ความรักที่ให้คุณตาสว่างอยู่ในตอนนี้ มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่เท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้คุณทั้งสองมีความรักอันมั่นคงต่อกัน รักษาความรักที่มีต่อกันไว้ให้นานๆ เพื่อจะสืบสานเป็นการใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปนะครับ
อ้อ.. ผมลืมบอกไป
ผมก็กำลังมีความรักล่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ ดาบไร้ฝัก ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ดาบไร้ฝัก
ความคิดเห็น